เริมที่ปาก รักษาได้ไม่ยากด้วย 5 วิธีที่ทำแล้วได้ผลเร็ว

โรคเริม เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Herpes ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเริมจะเป็นแผลที่บริเวณริมฝีปากตุ่มเล็กๆ กระจายตามรอบๆ ริมฝีปากทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อน โรคเริมสามารถติดต่อได้จากน้ำลายและการสัมผัสกับผู้ป่วย สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนมากจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เพราะเริมจะฝังตัวตามประสาทและเมื่อร่างกายของผู้ป่วยมีอาการอ่อนแอลง อาการก็จะกำเริบขึ้นมา อย่างไรก็ตามโรคเริมสามารถรักษาอาการให้หายได้โดยเร็วด้วย 5 วิธีดังต่อไปนี้

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเริม

โรคเริมเกิดมาจากหลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเกิดจากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ร่างกายอ่อนเพลีย โดนแสงแดดร้อนจัดเป็นประจำ และดื่มน้ำน้อย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเริมจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จะมีแต่หายไปสักพักและเมื่อร่างของผู้ป่วยอ่อนแอลงอาการก็จะกลับมากำเริบอีกครั้ง แต่หากรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอโรคเริมก็ไม่สามารถกำเริบขึ้นได้ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเริม จึงต้องพยายามรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอเพื่อไม่ให้กลับมาป่วยเป็นซ้ำ ๆ อีกนั่นเอง

1.รักษาด้วยยาต้านเชื้อไวรัส

การรักษาด้วยยาต้านเชื้อไวรัส โดยการรับประทานยาควบคู่กับการทายาภายนอกไปด้วยจะทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นโดยควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดวันละ 5 ครั้งทุกๆ 4 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นเวลานาน 5 วัน เพราะจะช่วยให้เชื้อไม่ดื้อยาและลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำอีกสำหรับใครที่เป็นโรคเริมบ่อยๆ ควรใช้ยาทาภายนอกควบคู่กันไปจะทำให้แผลหายเร็วขึ้น และผู้ป่วยควรรับประทานยาต้านไวรัสร่วมด้วยเพื่อให้หายเร็วที่สุดภายใน 48 ชั่วโมงก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคเริมลงได้ และแผลก็จะค่อยๆ หายไปทั้งนี้ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดไม่ควรซื้อยามารับประทานเองอย่างเด็ดขาด

2.รักษาด้วยสมุนไพรครีมพญายอ

สมุนไพรไทยพื้นบ้านมีมากมายหลายชนิดด้วยกันซึ่งแต่ละชนิดนั้นก็สามารถรักษาอาการของผู้ป่วยในแต่ละโรคได้ เช่นเดียวกับโรคเริม สามารถรักษาได้โดยการใช้สมุนไพรครีมพญายอรักษาได้เพราะสมุนไพรครีมพญายอมีคุณสมบัติสามารถฆ่าเชื้อไวรัสโรคเริมได้ โดยการใช้ครีมพญายอทางบริเวณที่เป็นตุ่มประมาณ 3- 4 ครั้งต่อวันเพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนเมื่อทาไปประมาณ 3-4 ครั้งก็จะรู้สึกทุเลาลงและตุ่มใสๆ บริเวณริมฝีปากก็จะแห้งเร็วและรู้สึกยุบลงและหายในไม่ช้า

3.รักษาด้วยน้ำแข็ง

ใครจะไปเชื่อว่าน้ำแข็งที่เราใช้รับประทานกับเครื่องดื่มเพื่อให้ความสดชื่นดับกระหายนี้จะมีสรรพคุณที่สามารถใช้รักษาโรคเริมได้ หากมีอาการคันบริเวณริมฝีปาก และเริ่มมีตุ่มใสๆ ขึ้นมาให้นำน้ำแข็งก้อนมาใช้ถูบริเวณที่รู้สึกว่ามีอาการปวดแสบปวดร้อนถูกไปสักพักจนรู้สึกว่ามีอาการชาจนไม่รู้สึกเจ็บปวดแล้วค่อยนำยามาทาแผลตรงที่เป็นตุ่มใสๆ ทาซ้ำๆ ทุกๆ 1 – 2 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้น และไม่กี่วันแผลที่เป็นตุ่มใสๆ ก็จะหายไป น้ำแข็งนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนให้กับผู้ป่วยโรคเริมได้แล้ว ยังช่วยให้เริมไม่ลุกลามไปยังส่วนต่างๆ อีกด้วย

4.รักษาด้วยว่านหางจระเข้

หลายคนคงเคยเห็นมาแล้วเวลาที่โดนน้ำร้อนลวกหรือว่าเป็นแผลจากของร้อนเช่นโดนเตารีดดาด หรือท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ดาดบริเวณผิว คนส่วนใหญ่จะนิยมนำว่านหางจระเข้มาประคบเพื่อช่วยบรรเทาอาการแสบแผล ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเริมก็เช่นกันว่านหางจระเข้สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ โดยการนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกล้างเอายางออกมานำมาประคบที่แผล ว่านหางจระเข้จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อและหายเร็วอีกด้วย

5.รักษาโดยใช้น้ำมัน ทีทรีออยล์

ทีทรีออยล์มีสรรพคุณช่วยในการต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ดีและทีทรีออยล์ยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเริมไม่ให้มีอาการรุนแรงหรือลุกลามไปทั่วบริเวณริมฝีปาก แต่ต้องเริ่มรักษาตั้งแต่ในระยะแรกที่รู้ว่ามีอาการป่วยเป็นโรคเริมถึงจะสามารรักษาได้ผลดีที่สุด โดยการนำสำลีชุบน้ำมันทรีทีออยมาทาตรงบริเวณที่เป็นแผลวันละ 3 – 4 ครั้งก็จะช่วยบรรเทาการลุกลามของแผลลงได้

โรคเริม เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ จากน้ำลายและการไปสัมผัสกับผู้ป่วยอย่างเช่นการจูบ การใช้ผ้าเช็ดตัวด้วยกัน และใช้เครื่องสำอางด้วยกัน เพราะฉะนั้นหากอยากห่างไกลจากโรคเริมพยายามไม่ใช้ของร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเริมและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคเริมได้แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก rattinanhospital.com